วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ยิ่งลักษณ์ ในภาพลักษณ์ของคุณเป็นเช่นไร

จริงๆแล้ว การที่ข้าพเจ้าได้อ่าน การเขียนบทความส่วนตัวของ คุณ เอิน กัลยกร นาครสมภพ ใน เฟซบุ๊ค ก้ไม่ได้มีความรู้สึกอะไร ยังไงมากมาย หรือ รู้สึกว่ากระทบ อันใด หรอกค่ะ เพียงแต่ว่าได้ พอได้อ่าน แล้วรู้สึกอยากจะแชร์ บทความเกี่ยวกับการวิพากษณ์วิจารณ์การทำงานของนายกรัฐมนตรีหญิง ยิ่งลักษณ์ ให้ ทุกคน ทั้งที่รัก ชอบพอ หรือ เป็นหน่วยต่อต้าน  ในความเป็นผู้หญิงทำงานของท่านนายกฯให้คุณๆได้อ่านกันบ้าง ก็เท่านั้นเองเผื่อทว่า บางที ความคิดอาจเปลี่ยนหรือพลิกขั้ว หรือ มองอะไรๆให้มันชอบธรรมมากขึ้น


น.ส.กัลยกร นาคสมภพ หรือ "เอิน กัลยกร" อดีตนักร้องและนักแสดงชื่อดัง ได้เขียนบทความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ใช้ชื่อว่า Kalyakorn Earn Naksompop โดยแสดงการวิพากษ์วิจารณ์บทบาท และการทำงานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังรุมเร้ากรุงเทพมหานครในขณะนี้ จนก่อให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง บทความดังกล่าวมีชื่อว่า "จากผู้หญิง (ธรรมดา) ถึงผู้หญิง (ที่เป็นนายก)" ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาทั้งหมดมีดังนี้





จากผู้หญิง (ธรรมดา) ถึงผู้หญิง (ที่เป็นนายก)
 
ตอนแรกก็ว่าจะเก็บไว้เขียนหลังน้ำท่วม ..แต่ก็นะ เราก็ไม่รู้ว่าวันนั้นมันจะถึงเมื่อไหร่ ที่สำคัญคือ หลังจากที่ได้ดู นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ออกแถลงการณ์ทางทีวีเมื่อคืนนี้ ...บอกตรงๆ ละเหี่ยใจ และอดใจไม่ให้เขียนบทความนี้ไม่ได้แล้ว

คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย

จริงๆ ตอนที่คุณยิ่งลักษณ์ได้ตำแหน่ง ผู้หญิงทั้งในและต่างประเทศ ก็รู้สึกยินดีที่ประเทศไทยได้มีนายกหญิงคนแรก เราเองได้เขียนลงเฟซบุ๊คว่า ส่วนตัวไม่ถือว่าคุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกหญิงคนแรก เหตุเพราะคุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้รับการเลือกตั้งเพราะความสามารถของเธอเอง แต่เป็นเพราะคนต้องการผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังเธอต่างหาก ประชาชนที่เลือกเธอ ไม่ใช่เพราะชื่อ "ยิ่งลักษณ์" แต่เป็นเพราะนามสกุล "ชินวัตร" ที่เป็นสิ่งการันตีว่าเธอคนนี้คือ "สายตรง" ดังนั้นเราจะนับว่าคุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกไม่ได้
เราจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกจริงๆก็ต่อเมื่อ เธอคนนั้นต่อสู้ฟันฝ่ามาด้วยตัวเอง และพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่า "ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถที่จะเป็นผู้นำประเทศได้" เท่านั้น
แต่ก็ช่างมันเถอะค่ะ สรุปว่า ประเทศไทยได้มีนายกรัฐมนตรีหญิงประดับประวัติศาสตร์กับเขาเสียที และจากวันที่เธอรับตำแหน่ง เราก็ควรจะดูแต่ผลงานของรัฐบาลภายใต้การนำของเธอคนนี้ ซึ่งแรกๆ นั้นเป็นไปได้ด้วยดีค่ะ คุณยิ่งลักษณ์ แม้จะดูไม่แข็งแรงห้าวหาญ แต่เธอมีความละมุนในบุคลิกที่ทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลซึ่งเต็มไปด้วยบุคคล ที่เป็นที่กังขาของสังคมดูดีขึ้นแม้นโยบายของเธอจะเป็นที่ถกเถียงในวงกว้าง แต่ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อยู่ที่ว่าใครมองมุมไหน แต่เวลาเธอไปเยี่ยมประเทศเพื่อนบ้านแล้วถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์นี่สิคะ แม้... ดูดี

สรุปว่าภาพลักษณ์ดูดีขึ้น เพราะเรามีนายกหญิงที่ดูดี ดูสง่า เป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศไทย

จำได้ว่าตอนหาเสียง ผู้สนับสนุนเธอชอบบอกว่าเธอนี่แหล่ะ ที่จะเป็น "สตรีขี่ม้าขาว" ที่จะเข้ามากอบกู้ประเทศไทย ตามคำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

แม้ไม่ได้สนับสนุนพรรคเธอ ก็แอบหวังลึกๆ ว่า "เป็นจริงก็ดี" ถึงตอนนี้ ถ้ามีคนที่สามารถพาประเทศไทยฝ่าวิกฤติทางการเมืองไปได้ จะเป็นใครมาจากฝั่งไหนก็สนับสนุนทั้งนั้น ยิ่งเธอปะยี่ห้อว่าเป็นผู้หญิงคนแรก ที่ได้รับหน้าที่สำคัญที่สุดในประเทศ คือการรับผิดชอบดูแลคนกว่า 70 ล้านคน งานใหญ่นะคะ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงทำงานด้วยกัน ก็แอบเชียร์อยู่ อยากให้เธอเป็นนารีขี่ม้าขาวจริงๆ ประเทศเราจะได้ก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงเสียที

แต่แล้วอุทกภัยก็มาถึง มวลน้ำมหาศาลที่เข้ามาท้าทายความสามารถในการเป็นผู้นำของคุณยิ่งลักษณ์ ผลเป็นอย่างไร ...ไม่ต้องอธิบายให้มากความ

ไม่ใช่แค่คุณยิ่งลักษณ์สอบตกทุกด้าน ในฐานะที่เป็นผู้นำของประเทศ เธอยังทำให้ภาพลักษณ์ของผู้หญิงนั้นเสียหาย
ผู้ชายอาจจะไม่เข้าใจ แต่การเป็นผู้หญิงทำงาน เพื่อจะพิสูจน์ว่าตัวเองมีความสามารถ เหมาะสมกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หลายคนต้องทำงานหนักกว่าผู้ชาย หลายคนต้องใช้เวลามากกว่าผู้ชาย เพื่อจะลบอคติที่ว่า "ผู้หญิงอ่อนแอ" หรือ "ผู้หญิงมีดีได้แค่สวย" เป็นผู้หญิง ต้องทนคนที่เข้ามาหวังหาเศษหาเลย ต้องปกป้องตัวเองโดยต้องไม่ให้กระทบกับงาน ในขณะเดียวกันก็ต้องแสดงให้เห็นว่าเราเก่งพอ เพราะเราไม่สามารถไปนั่งกินเหล้า "เที่ยวผู้หญิง" กับเจ้านายเหมือนผู้ชายคนอื่นได้ เพราะเราไม่สามารถเล่นมุกฮาแบบลามกเต็มที่เหมือนผู้ชายคนอื่นได้ เราไม่สามารถมีช่วงเวลาส่วนตัวขนาดนั้นกับเจ้านายหรือผู้มีอำนาจซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชายได้ เราจึงต้องใช้ความสามารถเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์
หลายคนอาจจะบอกว่านี่มันยุคนี้แล้วไม่มีแล้วเรื่องความไม่เท่าเทียม...มีค่ะ ยังมีอยู่ เป็นผู้หญิงค่ะ ทำงานค่ะ และยังเจอทุกสิ่งอย่างที่พูดมากับตัวเองค่ะ และไม่ใช่ผู้เขียนคนเดียวที่เจอ จึงได้เข้าใจและพูดได้

คุณยิ่งลักษณ์ ในฐานะที่เป็นผู้หญิง นอกจากจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นนายกที่ดีได้ ยังต้องพิสูจน์ด้วยว่า "ความสามารถไม่เกี่ยวกับเพศ" คุณเป็นนายกหญิงคนแรกนะคะ คุณแบกรับภาพลักษณ์ตรงนี้เอาไว้อยู่ค่ะ คุณต้องลุย (ลุยจริงๆ ไม่ใช่แค่ลุยออกสื่อ) คุณต้องแข็งแรง และคุณต้องเก๋า ...ต้องเอาให้อยู่
...แต่คุณยิ่งลักษณ์ทำไม่ได้ค่ะ
การ ที่สื่อที่เป็นผู้ชายไม่กล้าว่าหนักๆเหมือนที่ว่านักการเมืองคนอื่นหรือนัก วิชาการไม่กล้าวิจารณ์แรงๆเหมือนที่วิจารณ์นักการเมืองผู้ชายเพราะเกรงว่าจะ เป็นการ "รังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ" หรือเพราะ "สงสาร" ก็ตาม คือหลักฐานว่ามันมีเส้นหนาๆกั้นอยู่ระหว่างเพศชายและหญิง ส่วนตัวนายกเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะเธอออกมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เคยแข็งแรง ด้วยคำพูดที่ไม่เคยเข้มแข็ง และด้วยข้อความที่ไม่เคยชัดเจน นอกจากนั้นเธอยังไม่เคยแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการคิดเองได้เลย
เธอทำให้เห็นเลยว่า ความละมุนของเธอนั้น จริงๆแล้วมาจากความอ่อนแอ
คุณยิ่งลักษณ์ตอกย้ำทุกวัน ว่าผู้หญิงอ่อนแอ ว่าผู้หญิงพูดจาเป็นงานเป็นการไม่รู้เรื่อง ว่าผู้หญิงคุมลูกน้องไม่ได้ ว่าผู้หญิงตัดสินใจไม่เป็น ว่าผู้หญิงเป็นผู้นำไม่ได้ สิ่งที่คุณยิ่งลักษณ์ทำ หรือทำไม่ได้ ตอกย้ำว่าผู้หญิงทำงานใหญ่ไม่ได้ ว่าผู้หญิงสุดท้ายก็เป็นได้แค่ผู้หญิงวันยังค่ำ ที่ได้แต่แต่งตัวสวยไปวันๆโดยที่ทำอะไรไม่เป็น ...เสียค่ะ เสียหายอย่างยิ่ง
ลองนึกดูนะคะ แม้ในอนาคตจะมีผู้หญิงที่มีความสามารถ แต่ใครจะอยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย มันขยาดนะคะ ประมาณว่าทดลองแล้ว ไม่สำเร็จ ก็จบแล้ว ยิ่งถ้าคนที่ไม่มีแบ๊คใหญ่ขนาดแบ๊คของคุณยิ่งลักษณ์ ยิ่งไม่ต้องหวัง

แล้วก็พาลสงสัย ว่าประวัติที่ผ่านมาของคุณยิ่งลักษณ์ ก็เป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่ระดับประเทศทั้งนั้น แล้วบริษัทเหล่านั้นรอดมาได้อย่างไร สงสัยแม้กระทั่งว่าคุณยิ่งลักษณ์เคยทำงานเองจริงๆหรือไม่ หรือได้แค่ใช้วุฒิการศึกษาที่ดูดี แต่งตัวดีๆ แต่งหน้าดีๆ ไปนั่งเฉยๆ ให้บริษัทนั้นดูภาพลักษณ์ทันสมัยขึ้น แค่นั้น? ...ถามจริงๆเถอะ ความสามารถในการสื่อสารและการทำงานระดับนี้ ถ้าไม่มี "พี่ชาย" คอยผลักคอยดันอยู่ข้างหลัง ป่านนี้คุณยิ่งลักษณ์จะทำอะไรอยู่ที่ไหน? ให้เดานะคะ ...แต่งตัวสวยๆ กลางวันไปช็อปปิ้ง ไปสปา กลับมานั่งสวยรอให้สามีชื่นชม
สรุปคือผิดหวังค่ะ เสียใจ และรู้สึกแย่ที่ผู้หญิงซึ่งได้รับตำแหน่งใหญ่ขนาดนี้คนแรก กลับทำให้ภาพลักษณ์ของผู้หญิงด้วยกันตกต่ำลงกว่าเดิม แต่งตัวสวยๆ หน้าผมเป๊ะนั้นไม่ผิดหรอกค่ะ ที่ผิดคือทำได้แค่นั้นจริงๆ
ยอมรับค่ะ ว่าการที่เขียนบทความนี้ขึ้นมาก็กลัวเหมือนกันว่าจะมีผลกระทบกับชีวิต ว่าอาจจะมีผู้สนับสนุนนายกออกมาล่าหัว โทษฐาน "วิจารณ์ผู้นำอันเป็นที่รักยิ่ง" แต่ต้องพูดค่ะ พูดอย่างเป็นกลางโดยไม่ฝักฝ่ายทางการเมือง พูดในฐานะประชาชนในระบอบประชาธิปไตยที่สามารถวิจารณ์ฝ่ายการเมืองได้ ...พูดในฐานะที่เป็นผู้หญิง

ย้ำนะคะ ไม่ว่าคุณยิ่งลักษณ์จะมาจากพรรคไหนก็ตาม หากได้เป็นนายกแล้วทำงานอย่างนี้ ก็จะออกมาพูดแบบนี้เหมือนกัน

เพราะคุณยิ่งลักษณ์ได้พิสูจน์แล้วว่าเธอไม่ได้ขี่ม้าขาว และเธอไม่ใช่สตรีในตำนาน (ก็อย่างที่คนข้างตัวเคยพูดไว้) สุดท้าย คุณยิ่งลักษณ์ ก็เป็นได้แค่ "สตรีขี่ม้าน้ำ" เท่านั้น
กัลยกร นาคสมภพ
26 ต.ค. 2554


___________________



อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีผู้ใช้นามว่าว่า "ปฐม พยัคฆ์ร้ายเเห่งคลองบางหลวง" เขียน "จดหมาย" เพื่อโต้ตอบ "เอิน กัลยกร" ผ่านทางเฟซบุ๊กเช่นกัน โดยใช้ชื่อบทความว่า "จดหมายจากคลองกระจง ถึง คุณเอิน กัลยากร นาคสมภพ" ซึ่งมีข้อความดังนี้




จดหมายจากคลองกระจง ถึง คุณเอิน กัลยากร นาคสมภพ

ถ้าใครยังไม่รู้เรื่องราวของ  คุณเอิน กัลยากร  นาคสมภพ   และสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น  ลองไปอ่านก่อนนะครับ

มีคนเอาลิงค์มาแปะในคอมเมนต์  ไปแวะอ่านกันก่อนแล้วค่อยอ่านของผมทีหลังหรือจะอ่านของผมก่อนแล้วไปอ่านของเอิน  ก็แล้วแต่ท่านเหอะ

ในโลกนี้มีผู้หญิงที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำมากมายนะครับเอิน...  อินทิรา คานธี  ,  มาร์กาเร็ต แธตเชอร์  ชื่อเหล่านี้คงคุ้นหูเอินบ้างไม่มากก็น้อย   แต่วันนี้ผู้หญิงที่ดูมีบทบาทมากที่สุดในโลกก็คงจะปฏิเสธ  ฮิลลารี่  คลินตั้น กับ อองซานซูจี  ไม่ได้เลย   หลายคนคงพอเดาได้นะครับว่าข้าพเจ้ากำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร  ประเด็นไหน...   ประเด็นแรกที่ข้าพเจ้าอยากบอกเอินคือ   ผู้หญิงที่เป็นระดับผู้นำในโลกนี้หลายคนที่เอ่ยชื่อมาล้วนไม่ต่างกับ  ยิ่งลักษณ์  เท่าไหร่   เพราะเขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้วยอาศัยบารมีเก่าของคนในครอบครัว   เพราะคุณเอินได้เขียนในบันทึกของคุณว่า  ยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกเพียงเพราะเป็นคนนามสกุล  "ชินวัตร"  ไม่ได้ต่อสู้มาด้วยตัวเอง  ดังนั้นจึงไม่นับว่า  ยิ่งลักษณ์  เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก   ข้าพเจ้าเลยจะบอกคุณเอินว่ารายนามข้างต้นนั้นก็ไม่ควรจะยกให้เป็นระดับผู้นำ   อินทิรา คานธี  ก็อาศัยบารมีของคุณพ่อคือ  ศรีเนห์รู  

อินทิรา คานธี  ตอนขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำใหม่ ๆ เธอก็เป็นดั่งหุ่นเชิดจนมีคนตั้งฉายาว่าเธออย่างเจ็บแสบว่า  ตุ๊กตาหน้าโง่  (ข้าพเจ้าขออภัยที่จำฉายานั้นเป็นภาษาฮินดีไม่ได้)   แต่ จากนั้นห้าปีเธอได้สะสมประสบการณ์และก้าวขึ้นการเป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่ ใครไม่อาจจะปฏิเสธได้เลย  เธอสะสมประสบการณ์ทางการเมืองและในทางเดียวกันเธอ ก็เข้าถึงใจคนจนที่นักปกครองทุกรุ่นหลงลืม จนสุดท้ายชื่อของเธอโดดเด่นเป็น ตัวของตัวเอง  เธอลบคำสบประมาทว่าก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำได้เพราะพ่ออย่างหมดสิ้นและสิ้นเชิง   คุณเอินว่า  การเริ่มต้นของอินทิรากับยิ่งลักษณ์พอ ๆ กันไหมครับ   เพราะเธอเข้าสู่ตำแหน่งวันแรก ๆ ผู้ชายก็รุมด่าเธอตั้งฉายาให้เธอว่า  "ตุ๊กตาบาร์บี้"   ไม่ต่างจาก อินทิรา เท่าไหร่ว่าไหม...

มาร์กาเร็ต  แธตเชอร์  ล่ะ...   คนนี้หญิงเหล็กของโลกเลยนะครับคุณเอิน  แต่คุณเอินรู้ไหมว่ากว่าเธอจะก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำเธอต้องได้รับการสนับสนุนจากใครบ้าง   ไม่เพียงแต่ต้องการเสียงในสภาเสียงประชาชนเท่านั้น   เพราะ มาร์กาเร็ต แธตเชอร์  ที่เธอมาถึงวันนี้ได้ก็เพราะว่าเธออาศัยรากฐานของครอบครัวเธอเป็นสำคัญ

อองซานซูจี  ล่ะ...  มิใช่ว่าเพราะพ่อของเธอหรอกเหรอ  เธอถึงก้าวเป็นสัญลักษณ์ของพม่าในเวลาอันรวดเร็ว   เธอเป็นแกนนำมวลชนเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าได้นั้นส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า  เพราะเธอเป็นลูกของ  นายพลอองซาน   อองซานซูจีโดดเด่นในเวทีพม่าเพราะอาศัยรากฐานจากพ่อและเป็นที่สนใจของชาวโลกเพราะการสนับสนุนของอเมริกา

ฮิลลารี่ คลินตั้น ก็เช่นกัน  จริง ๆ คนนี้เป็นผู้หญิงที่เก่งมากครับ   เธอเก่งมาแต่เดิม  แต่เธอทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนสามีเป็นหลังบ้านที่ดีเพื่อให้  บิลล์  เป็นหมายเลขหนึ่งของโลก   แต่เราจะปฏิเสธได้หรือไม่ว่าวันนี้ที่เธอโดดเด่นและมีบทบาท   เพราะอาศัยรากฐานจากสามีเช่นกัน

ทั้งหมดทั้งมวลที่ ข้าพเจ้าไล่มานั้นเพียงเพื่อจะชี้ให้เห็นว่า ผู้นำที่โดดเด่นเหล่านี้จริงๆ แล้วถ้ามองในมุมคุณเอินจะเห็นว่าไม่มีใครต่อสู้ขึ้นมาด้วยตัวเองเลยแม้แต่คน เดียวเพราะเกือบทั้งหมดถ้าไม่อาศัยพ่อก็ต้องอาศัยผัวไม่อาศัยผัวก็ต้องพึ่ง พานามสกุล ซึ่งนั่นเป็นความจริงครับคุณเอิน เพราะมันเป็นรากเป็นฐาน   อย่างคุณเอินและพี่สาว (หรือน้องสาว)  ของคุณเนี่ย  ถ้าไม่ได้นามสกุล  "นาคสมภพ"  จะได้เข้าสู่วงการบันเทิงหรือไม่...   จะมีฐานะเป็นที่รู้จักของคนเป็นเบื้องต้นหรือไม่...  คุณเอินลองถามและตอบตัวเอง

แต่ผู้หญิงเหล่านั้นต่างจากคุณเอินครับ   เพราะเมื่อเขามีรากฐานมาเขาได้โอกาสและพวกหล่อนคว้ามันไว้และทำโอกาสให้เป็นสิ่งดีงาม   พวกเธอก็อยู่ในใจของผู้คน   ซึ่งแตกต่างจากคุณเอินที่มีรากฐานได้โอกาส   แต่เชื่อไหมครับว่าวันนี้ใครหลาย ๆ คนยังต้องระลึกชาติเลยว่า  "คุณเป็นใคร"   นั่นคือความต่างของ  รากฐาน  ที่คุณว่าไว้   ถ้าจะถามว่ายิ่งลักษณ์ได้ต่อสู้มาไหมในการเลือกตั้งที่ผ่านมา  ข้าพเจ้าต้องเรียนคุณเอินว่า  คุณยิ่ง ลักษณ์ได้ต่อสู้มาตลอดด้วยตัวของเธอเองแม้จะมีคนสนับสนุนแต่เธอก็ฝ่าฟันมา ได้เอง  ถ้าคุณเอินย้อนไปคิดดูตอนช่วงรณรงค์เลือกตั้ง คุณจำได้ไหมครับว่า   คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ  และ  คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  อีกทั้งลูกหาบทั้งหลาย  มั่นใจในคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์แค่ไหน  อย่างไร...  มั่นใจมากหรือไม่ให้ไปดูวาทกรรมว่า  "จะขุดรูอยู่"  ของ  คุณสุเทพ  เทือกสุบรรณ  ก็แล้วกัน

จากวาทกรรมฆ่าตัวเองของประชาธิปัตย์   มันชี้ให้เห็นว่าตอนแรกคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยคงไม่เท่าไหร่   แต่ยิ่งลักษณ์ก็หมั่นลงพื้นที่หมั่นเข้าหาประชาชน  ความอึดของเธอไม่ได้แพ้ผู้ชายอกสามศอกอย่างอภิสิทธิ์เลย   ในขณะที่อภิสิทธิ์เอาสายสิญจน์ล้อมหัวหนุนชะตา   ยิ่งลักษณ์ก็ยังลงพื้นที่โดยไม่มีเชือกใดมาพันกบาล   ความแตกต่างตรงนี้คุณเอินพอมองเห็นอะไรบ้างไหมครับ  

ยิ่งลักษณ์จริงอยู่ที่มีนามสกุล  "ชินวัตร"  เป็นพื้นฐาน  แต่ถ้าเธอไม่เอาไหนรักษาโอกาสไม่ได้อย่างคุณ  เธอก็คงถูกลืมเลือนและคงไม่ชนะเลือกตั้ง  แต่คุณยิ่งลักษณ์รู้จักบริหารโอกาสรู้จักเข้าไปในใจประชาชน  เธอจึงได้เป็นผู้นำ  

การทำงานของยิ่งลักษณ์ในวันนี้...   ข้าพเจ้าก็เห็นข้อผิดพลาดของเธอมากมายและหลายครั้งก็นึกเหมือนกันว่าถ้า ข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร  ข้าพเจ้านึกได้เพียง สามนาทีแล้วก็ต้องเลิกคิดเพราะมันเป็นความสยดสยองที่ผุดขึ้นมาแทนที่ความฝัน อันเรืองรอง  ข้าพเจ้าไม่ทราบจริงๆ ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร  นักวิชาการเรื่องน้ำของประเทศเราวันนี้มีเยอะครับแต่มันเยอะจนเกินไปจนไม่ รู้จะเลือกเชื่อใครสักคน  ใครที่ว่าเก่งว่าเจ๋งก็คาดการณ์ผิดหน้าตาแหกกัน เป็นแถวๆ  ถ้าข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีก็คงตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกเชื่อใครดี   แต่เธอก็กล้าหาญพอที่จะตัดสินใจและแก้ไขปัญหาอย่างเต็มความสามารถ   ในสายตาของข้าพเจ้าแล้วคิดว่าเธอทำงานได้ดีแม้ไม่สง่างาม    ภาวะวิกฤตน้ำแบบนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่ว่าใครมาทำงานตรงนี้คงไม่เหลือความ สง่างามให้เห็น   แม้แต่ผู้ชายอย่าง  ประยุทธ์ จันทร์โอชา ,  สุขุมพันธ์  บริพัตร  สองคนนี้สภาพเหมือน...ตกน้ำซึ่งดูไปแล้วแย่ยิ่งกว่าสภาพปรัตยุบันของนายก รัฐมนตรีอย่างยิ่งลักษณ์เสียอีก

การจะมองความสามารถการทำงานนั้น ต้องเทียบกับความหนักหนาของงานเป็นสำคัญ  น้ำท่วมประเทศไทยหนนี้น่าจะจารึก ในประวัติศาสตร์ชาติไทยได้เลยว่าเป็นปัญหาน้ำท่วมที่มีมวลน้ำหนักหนามากที่ สุดและเป็นปัญหาที่รับช่วงต่อจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ   ในตอนที่  อภิสิทธิ์  รับมือกับน้ำท่วมที่ไม่หนักหนาเท่านี้ข้าพเจ้าพูดอย่างตรงไปตรงมาได้เลยว่า  ทำงานได้ไม่สมชาย  และแก้ปัญหาเพ้อเจ้อไม่สมกับเป็นเด็กอังกฤษ   ถ้าเทียบกับยิ่งลักษณ์ตอนนี้  ข้าพเจ้าพูดด้วยความสัตย์ว่า  ยิ่งลักษณ์ดูดีกว่ามากมายมหาศาล   เธอไม่ท้อแม้จะมากแค่ไหน  เธอตั้งใจ  ไม่โทษใคร  เธอต้องเดินฝ่าสงครามน้ำลายที่เพศชายโจมตีเธอ   เธอก้มหน้าทำงานไม่ฟ้องประชาชนว่า  "ผู้ชายไม่ได้ช่วยงานแถมเล่นสกปรกกับผู้หญิง"   เธอมีสิทธิที่จะพูดแต่เธอไม่ได้พูดเรื่องใด   แม้มีคนใส่ร้ายเธอมากมาย  เธอก็ไม่เคยโจมตีกลับอะไรซึ่งผิดกับผู้ชายอกสามศอกที่หลุดอาการออกบ่อย ๆ ด้วยซ้ำไป   ถ้านึกไม่ออกคุณเอินลองไปหาภาพอภิสิทธิ์ปรี่เข้าหานักข่าวหญิงได้นะครับ...  

การที่คุณจะมองว่า  ยิ่งลักษณ์  สอบตกทุกเรื่องนั้นก็เป็นสิทธิของคุณล่ะครับ   แต่ถ้าเรามองความจริงและเอายิ่งลักษณ์มาเทียบกับอภิสิทธิ์และผู้นำคนก่อน ๆ ของไทย  (เว้นไว้แต่  จอมพล สฤษดิ์  ธนะรัชต์)   ยิ่งลักษณ์ทำงานได้ไม่แพ้กับผู้นำประเทศของเราที่ผ่านมา   เธอรับมือได้ดีและทำงานให้ผู้ชายเห็นว่า  ผู้หญิงทำงานได้ดีกว่าผู้ชาย  แม้เธอจะพูดไม่เก่งเหมือนอภิสิทธิ์แต่เธอก็ทดแทนด้วยการทำ...  และทำ...   และยอมรับความจริงจนดูเหมือนยอมพ่ายแพ้  แต่เธอก็ไม่ได้ทำผิดกับประชาชน  ไม่ได้ฆ่าประชาชนแล้วบอกว่าไม่ฆ่า   ไม่ได้ทำไม่ได้แล้วบอกว่าทำได้...

สำหรับคุณ ยิ่งลักษณ์อาจสอบตก  สำหรับข้าพเจ้าเธอ  "พอผ่าน"  เพราะข้าพเจ้ามีมาตรฐานผู้นำที่สูง   แต่สำหรับคนไทยทั่วไปที่ชินกับผู้นำแบบไทย ๆ โดยเฉพาะเทียบกับอภิสิทธิ์...  เธอผ่านฉลุย  

วันนี้สิ่งที่คุณเอินทำอยู่นั้นทำให้ข้าพเจ้านึกเรื่องหลาย ๆ เรื่องออก...  สิ่งที่คุณเอินทำนั้นทำให้ข้าพเจ้านึกถึง  โยนออฟอาร์ค  เธอก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อชาติและรับใช้พระเจ้าของเธอ   แต่เธอก็ถูกผู้ชายรุมทำร้าย  รุมใส่ความ  แม้ติดคุกก็เจอผู้ชายข่มขืนในยามโดนเผาก็มีคนส่วนหนึ่งสาปแช่ง   ในหมู่คนสาปแช่งโยนออฟอาร์คคงมีสักคนที่เป็นผู้หญิงและหมั่นไส้เธอแต่ไม่รู้ ว่าสิ่งที่ทำเป็นอย่างไร คนที่สาปแช่งเธอนั้นไม่ได้มีความพอที่จะตัดสินมี แต่อารมณ์ขุ่นเคือง จึงสาปแช่งเพศเดียวกันที่กำลังทำทุกอย่างเพื่อความถูก ต้องของเธอ   อีกเรื่อง  เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง  คุณเอินเคยได้ยินเรื่องการประหารด้วยการปาหินไหมครับ   ถ้ามีผู้หญิงคนหนึ่งถูกผู้ชายตัดสินว่ามีความผิดไม่ว่าเธอจะทำจริงหรือไม่ จริง   เธอต้องถูกประหารชีวิตด้วยการขว้างหิน   ซึ่งผู้หญิงในตะวันออกกลางที่ตายไปนั้นมีกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซนต์ที่เป็นผู้ บริสุทธิ์  แต่ด้วยความเลวของชายจึงจับเธอมาประชาทัณฑ์   คุณเอินก็เป็นคนหนึ่งที่ขว้างหินใส่ผู้หญิงคนนั้น  คุณเอินฆ่าคนและสาปแช่งคนโดยผู้ชายบอกว่า...   สิ่งที่คุณด่าคุณยิ่งลักษณ์  ข้าพเจ้าอ่านสองรอบ  ข้าพเจ้าไม่พบข้อมูลใดที่เกี่ยวพันทางการเมืองการปกครอง   จะมีก็แต่อารมณ์ความรู้สึกและเรื่องราวที่เขาบอกมาเท่านั้น  แสดงว่าคุณเอินไม่มีข้อมูลในมือในการด่าคุณยิ่งลักษณ์นอกจากอารมณ์และสิ่ง ที่เขาบอกให้ด่า   แล้วคุณเอินจะต่างกับผู้หญิงที่สาปแช่งโยนออฟอาร์คหรือผู้หญิงที่ปาหินเพื่อ ประหารผู้หญิงด้วยกันโดยไม่รู้ความถูกผิดตรงไหนกันครับ...

แต่ นั่นคือสิทธิของคุณเอินครับ แต่ข้าพเจ้าอยากฝากบอกไว้หน่อยว่า ถ้าคุณไม่ยอม รับว่า  คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกและเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ยี่สิบแปด ของคนไทยเพราะเขาคือหนึ่งในตระกูลชินวัตร  ก็อยากเพิ่มตรรกะอีกอย่างให้คุณ เอินได้ลองพิจารณา  ว่า  อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ยี่สิบเจ็ดหรือไม่...   เพราะเขาคือคนที่ขึ้นสู่ตำแหน่งด้วยความช่วยเหลือจากกองทัพมิใช่มาโดยครรลอง ของระบอบประชาธิปไตย  ลองพิจารณา

ก่อนจะจบจดหมายนี้อยากพูดกับคุณ เอินเรื่องวิทยาศาสตร์นิดหนึ่งครับ... ข้าพเจ้าก็จำไม่ได้ว่าอ่านเจอจากไหน แต่พอเจอกรณีจั๊ดจัดและกรณีคุณเอินแล้ว  ทำให้นึกถึงบทความนี้ที่เคยอ่านเจอ   นักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกผู้เชี่ยวชาญเรื่องสิ่งเร้นลับ   เขาได้เขียนบทความว่า   "คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมในภาพยนตร์ผี ๆ มักจะมีฉากไฟติด ๆ ดับ ๆ โทรศัพท์ปิด ๆ เปิด ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้ารวนเมื่อผีจะออกมา"  เขาได้ให้เหตุผลต่อว่า   "จากการศึกษาของผมเมื่อวิญญาณจะปรากฏตัวจะเกิดปรากฏการณ์อย่างนั้นจริง  เพราะวิญญาณนั้นถ้าจะปรากฏตัวจะดูดพลังงานจากสิ่งต่างๆ ถ้าใช้ไฟฉายเขาก็จะดูดพลังงานจากแบตตอรี่  ดูดพลังงานทั้งหมด   เพราะเขาจะปรากฏตัวให้เห็นไม่ได้ถ้าเขาไม่มีพลังงาน  และเขาก็ไม่สามารถสร้างพลังงานได้  ต้องดูดเอาจากสิ่งรอบตัว"

คุณเอินกับจั๊ดจัดก็คล้าย ๆ กันกับวิญญาณแหละครับ   เพราะปกติแทบไม่มีใครเห็นไม่มีใครรู้จักอยู่แล้ว...  คุณต้องดูดพลังงานจากคนอื่นด้วยการด่าคนอื่น   เพราะยิ่งคุณด่าคนอื่นมากเท่าไหร่ตัวตนของคุณจะปรากฏออกมาต่อสาธารณชน...  

แต่จริง ๆ แล้ว  ถ้าคนเราอยากมีตัวตนในสายตาคนอื่น   เรามีวิธีอื่นนี่ครับ...  จริงไหม...  ไม่จำเป็นต้องทำร้ายใครเพื่อสร้างตัวตนของเราขึ้นมาเลย   เคยได้ยินคำว่า  "ความรู้ทำให้คนสง่างามไหมครับ"   คุณจะมีตัวตนได้นะครับ   ถ้าใช้วิชาความรู้ให้ถูกที่ถูกทาง   หรือว่าคุณเอินกับจั๊ดจัดไม่ชินกับการสร้างตัวตนโดยวิธีปกติ   ชอบทางลัดด้วยการทำร้ายคนและเป็นช่างปั้นเรื่อง  เหรอครับ...


หมายเหตุ : มติชน ออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วิธีทำความสะอาดชุดชั้นใน ไม่ให้เสียทรง



  วันนี้ขอออกแนว ผู้ยิ้ง ผู้หญิงกันบ้างดีกว่านะคะ ชุดชั้นในกับผุ้หญิงเป้นของคู่กั้น คู่กัน มาแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ราคาก้ใช่ว่าจะถูกซะเมื่อไหร่ ตัวกะจิ๊ดริด นิดเดียว ราคาก็ปาเข้าไปตั้งเท่าไหร่แร่ะ ก้ไม่แปลก ที่ผู้หญิงเราจะใส่ใจเรื่องการดูแลรักษา เป็นพิเศษกันสักนิ๊ดนึง อ๊ะ ใช่รึเปล่า !!
วิธีทำควมสะอาดชุดชั้นใน
ก่อนการซัก ควรแยก ชุดชั้นในออกจากชุดชั้นนอก และแยกสีเข้ม , สีอ่อน
ควรซัก ด้วยน้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอกละลายในน้ำธรรมดา ไม่ควรใช้สารฟอกขาวทุกชนิดทำความสะอาดชุดชั้นในโดยเด็ดขาด
 ไม่ควร ขยี้หรือใช้แปรงขัดชุดชั้นในแรง ๆ ( โดยเฉพาะยกทรง ) เพราะจะทำให้เสียรูปทรงได้ง่าย
ในบริเวณที่มีคราบสกปรกให้ใช้แปรงขนนุ่ม ๆ ถูเบา ๆ ให้สะอาด
จากนั้นให้ล้างชุดชั้นในด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง ไม่ควร บิดยกทรงโดยเฉพาะแบบมีโครงควรบีบเบา ๆ เพื่อให้น้ำออก
การตาก ควรตาก ในที่ร่ม มีลมโกรก ไม่ควร ตากชุดชั้นในทุกชนิดให้ถูกแสงแดดโดยตรง เพราะจะทำให้เนื้อผ้าและ สีเสื่อมสภาพเร็ว
หมายเหตุ : กรณีที่ทำความสะอาดด้วย เครื่องซักผ้า ให้ใส่ชุดชั้นในลงในถุงตาข่ายแยกซัก เพื่อช่วยถนอมและยืดอายุการใช้งานของชุดชั้นใน
ชุดชั้นใน
วิธีการตากชุดชั้นใน
ชุดชั้นใน
วิธีถนอมเต้าปั๊ม ( SEAMLESS )
ควรซัก ยกทรงโดยให้น้ำไหลผ่าน เพื่อชะล้างผงซักฟอกออกจากเต้าฟองน้ำ หรือแกว่งในน้ำสะอาดให้หมดฟอง แล้วนำขึ้นตากด้วย วิธีดังรูป ข้อควรระวัง ห้ามบีบหรือบิดเต้าฟองน้ำโดยเด็ดขาด
ชุดชั้นในวิธีถนอม PAD ( MAGIC BRA )
ควรแยกซัก PAD จากตัวเสื้อ เพื่อชะล้างผงซักฟอกหรือแกว่งในน้ำสะอาดให้หมดฟอง แล้วนำขึ้นตากด้วยวิธีดังรูป
  วิธีพับเก็บรักษาชุดชั้นใน
 1. ควรตาก ชุดชั้นในให้แห้งสนิทก่อนการเก็บทุกครั้ง
 2. แยกเก็บ ชุดชั้นในออกจากชุดชั้นนอก
 3. พับเก็บ ชุดชั้นในอย่างถูกวิธี
 4. ไม่ควร เก็บชุดชั้นในไว้ในที่ชื้น หรือที่มีกลิ่นอับเพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราบนชุดชั้นใน                   ชุดชั้นใน
วิธีพับเก็บยกทรงแบบธรรมดา 
ชุดชั้นใน
วิธีพับเก็บยกทรงแบบเต้าปั๊ม
ขอบคุณที่มาจาก  Women Mthai  เนื้อหาดีดีจาก wacoal

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ออร์เดอร์ น้ำหอม

ออร์เดอร์น้ำหอมนะคะ
ขอรายละเอียด ของหมายเลขตามนี้ค่ะ ยีห้อ กลิ่น แบบคร่าวๆ ได้ไหมคะ
อิอิ ที่สำคัญ ราคาค่ะ

โคมยี่เป็งเชียงใหม่

การจัดงานโคมไฟ เพื่อต้อนรับเทศกาล ยี่เป็งของเชียงใหม่ ปีนี้ ได้มีการเริ่มเตรียมการกันแล้วค่่่าาา ที่นี่ เชียงใหม่ จะมีการจัดโชว์โคมไฟสวยๆแบบนี้ทุกๆปี ซึ่งจะตรงกับเทศกาล ลอยกระทง ยี่เป็งเชียงใหม่วันนี้กำลังมีการติดตั้งโคมไฟหลากสี ที่ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ หลังติดตั้งเสร็จ คงจะสวยงามน่าดู เตรียมตัวไปดู โคมไฟ เทศกาลลอยกระทงนี้กันเถอะ ขอเชิญชวนพี่น้องเพื่อนๆที่อยู่ภาคอื่นๆ มาเที่ยวเทศกาล ลอยกระทงที่เชียงใหม่ด้วยน่ะคะ


  • Attached Image: IMG_5166.JPG
  • Attached Image: IMG_5167.JPG

Attached Image: IMG_5173.JPG

  • Attached Image: IMG_5170.JPG
  • Attached Image: IMG_5168.JPG
  • Attached Image: IMG_5175.JPG
ขอบคุณ ที่มารูปภาพ จากเวบ 108 Cm เชียงใหม่ค่ะ

สำหรับคนที่ชอบดื่มน้ำเย็น

บทความนี้สำหรับคนที่ชอบกินน้ำเย็นโดยเฉพาะ เป็นฟอร์เวิร์ดเมลล์ที่เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ เอามาฝากให้อ่านประดับความรู้

 
For those who like to drink cold water, this article is applicable to you.
บทความนี้สำหรับคนที่ชอบกินน้ำเย็นโดยเฉพาะ
It is nice to have a cup of cold drink after a meal. However, the cold water will solidify the oily stuff that you have just consumed.
เวลาได้กินน้ำเย็นๆ ซักแก้วหลังอาหารรู้สึกมันชื่นใจดีใช่มั้ยครับ แต่ว่า น้ำเย็นจะทำให้ไขมันที่คุณเพิ่งกินเข้าไปเมื่อกี๊จับตัวเป็นไขขึ้นมา 
 
It will slow down the digestion. Once this 'sludge' reacts with the acid, it will break down and be absorbed by the intestine faster than the solid food. It will line the intestine. Very soon, this will turn into fats and lead to cancer. It is best to drink hot soup or warm water after a meal.
ซึ่งจะส่งผลให้การย่อยอาหารช้าลง ถ้าคราบไขมันเหล่านี้ไปทำปฏิกิริยากับกรด มันจะแตกตัวแล้วจะถูกดูดซึมไปที่ลำไส้ ไขมันที่แตกตัวนี้จะดูดซึมได้เร็วกว่าอาหารทั่วไป แล้วก็จะเริ่มเคลือบลำไส้ของเราไว้ (ด้านใน) ในไม่ช้า มันก็จะแปรสภาพเป็นไขมันก้อนๆ และเป็นบ่อเกิดของมะเร็งในที่สุด ดังนั้น ควรดื่มน้ำอุ่นหลังอาหารดีกว่า

A serious note about heart attacks - You should know that not every heart attack symptom is going to be the left arm hurting. Be aware of intense pain in the jaw line.
ขอเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของโรคหัวใจ เวลาที่เกิดอาการ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเจ็บที่แขนซ้ายเสมอไป ถ้าคุณมีอาการปวดกรามหรือขากรรไกรก็อาจจะเป็นสัญญาณของโรคหัวใจได้

You may never have the first chest pain during the course of a heart attack. Nausea and intense sweating are also common symptoms. 60% of people who have a heart attack while they are asleep do not wake up. Pain in the jaw can wake you from a sound sleep. Let's be careful and be aware. The more we know the better chance we could survive.
แม้ว่าคุณจะเป็นโรคหัวใจ แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องมีอาการเจ็บหน้าอก อาการเหงื่อออก คลื่นไส้ ก็เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับโรคทั่วๆไป 60% ของคนที่โรคหัวใจกำเริบขณะหลับมันจะไม่ตื่น ( อีกเลยรึเปล่าก็ไม่รู้) แต่อาการปวดกราม อาจจะทำให้คุณตื่นขึ้นมากลางดึกได้ ก็ให้ระวังดูและตัวเอง ถ้ามีอาการเหล่านี้

A cardiologist says if everyone who reads this message sends it to 10 people, you can be sure that we'll save at least one life. Read this & Send the link to a friend. It could save a life. So, please be a true friend and send this article to all your friends you care about.
ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจกล่าวว่า ถ้าคุณช่วยส่งเมล์นี้ต่อให้คนอื่นๆ ซัก 10 คน อาจจะช่วยชีวิตคนไว้ได้อย่างน้อยคนนึง โปรดช่วยเพื่อนๆ และคนที่คุณรักด้วยการแค่ส่งเมล์นี้ต่อให้กับเพื่อนๆ ของคุณ ยังไม่สายเกินไปที่จะส่งต่อเดี๋ยวนี้ 
E F FECTS OF COLD WATER   Please be a true friend and send this article to all your friends you care about.


สถานที่พิสูจน์รักแท้


รักแท้หาได้จากที่ไหน แน่นอนคงไม่มีขายตามท้องตลาด ระยะทางและเวลาต่างหากที่เป็นเครื่องพิสูจน์และนำไปค้นหาจนเจอ
1. พิชิตยอดภู
อย่างเช่นหลายคู่ที่เลือกพิสูจน์รักแท้โดยปีนป่ายขึ้นที่สูงที่ "ภูกระดึง" หากคู่รักคนไหนที่สามารถฉุดลากดึงคู่รักของตัวเองขึ้นไปด้วยถ้อยทีถ้อยอาศัยกันขึ้นไปจนพิชิตยอดภูกระดึงได้ เชื่อกันว่าหนุ่มสาวคู่นั้นจะเห็นอกเห็นใจพิสูจน์น้ำอดน้ำทนและมอบความรักให้แก่กัน อีกทั้งเชื่อว่าเป็นรักแท้ หรือบางครั้งอาจจะพบรักแท้จากเพื่อนสนิทในวันลำบากก็เป็นได้

ความเชื่อนี้พิสูจน์มาแล้วหลายคู่ แต่ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกฎธรรมชาติ มีรักก็มีเลือก เพราะจิตใจมนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมและแรงดึงดูด วันที่ช่วยเหลือกันไต่เขานั้นอาจจะเป็นการเอาชนะใจตัวเองเพื่อต้องการจะได้ใจจากอีกคนหนึ่ง แต่เมื่อลงมาถึงข้างล่างแล้วก็ถือว่าชนะแล้วจบกันกลายเป็นความทรงจำสีจาง
ส่วนบางคู่ที่ขึ้นไปไม่ถึงยอดหรือระหว่างทางไม่มีอะไรที่ทำให้จิตใจชุ่มชื่น แต่กลับมองเห็นธาตุแท้ความเห็นแก่ตัวของอีกคนที่เราคิดจะฝากผีฝากไข้ ตั้งความหวังไว้มากแต่สุดท้ายก็จบตั้งแต่เริ่มไต่ภูขึ้นมาได้แค่ 200 เมตรแรกแล้ว
พอลงจากเขามาได้หน้าก็แทบไม่อยากมอง แต่บางคู่ก็กลับมารักกันและคบกันยืดกว่าคู่หวานหยดที่ช่วยพยุงดันก้นกันขึ้นไปพิชิตรักกันบนดอยเสียอีก
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนเพราะบางครั้งการพิสูจน์รักแท้ระยะทางอาจจะตัดสินได้แต่ไม่ใช่ทั้งหมดต้องอาศัยความเข้าอกเข้าใจกันเป็นส่วนประกอบด้วย


2. ติดเกาะ
ติดเกาะในที่นี้ไม่ใช่ในแบบละคร "จำเลยรัก" ที่พระเอกกับนางเอกไปพบรักกันเพราะจับตัวผิดมาทรมานจนปางตายกว่าจะรักกันได้
เกาะที่ว่านี้คือ "เกาะเสม็ด" ใครที่ไปเที่ยวต้องระวังไว้เพราะกลับมาทีไรมักจะเจอคำว่า "ไปเสม็ด เสร็จทุกราย" ไม่รู้ว่าประโยคนี้ไปกระตุ้นต่อมความอยากหรือความต้องการของใครเข้าบ้าง ระยะหลังๆ นอกจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่นิยมไปนอนติดเกาะซึมซับไอทะเล ทรายละเอียด น้ำสีเขียว กับความเงียบสงบ (บางครั้ง) ของเกาะเสม็ด ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่วัยรุ่ยไทยสมัยนี้ฮิต! ยึดเป็นที่ท่องเที่ยวและที่เสียตัวกันมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ผลสำรวจคงยังไม่มีมากล่าวอ้าง แต่เท่าที่เจรจาปราศรัยกันเจ้าของ รีสอร์ท บังกาโล ของที่นั่น พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เด็กๆ มาเยอะ บางครั้งมาเป็นกลุ่ม บางคนมาเป็นคู่ แต่ในกลุ่มก็มีคู่ที่แยกออกมาอีก"
ใครที่เคยข้ามไปยังเกาะไม่ร้างรักแห่งนี้คงจะอิจฉาตาร้อนผ่าว เพราะแต่ละคู่เดินควงแขนกันเดินทอดน่องอยู่ริมหาดเดินสวนกันไปมาทั้งหัวดำหัวแดง แต่จะพิสูจน์รักกันท่าไหนต้องลงไปถามคู่รักแต่ละคู่ดู ซึ่งบางคู่อาจจะมาพิสูจน์ความจริงใจของอีกฝ่าย ว่าจะมีน้ำใจเป็นนักกีฬาขนาดไหน (ขอเตือนว่าวิธีนี้เสี่ยงมาก) สำหรับผู้หญิงบางคนอาจจะต้องการพิสูจน์ให้ฝ่ายชายทราบว่ารักจริงแค่ไหนจึงยอมพร้อมใจถวายตัวถวายใจ โดยอ้างบรรยากาศเป็นใจ (อันนี้สมัครใจ)
ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอย "รูดม่านส่องไฟ" ตามม่านรูดจะลองแวะเวียน "ข้ามเกาะเคาะประตู" อาจจะจับได้มากกว่า 1 คู่ แน่ๆ
3. ล่องแพ
การล่องแพ ไม่ต้องออกแรงเหมือนปีนเขา อาจจะคล้ายการข้ามเกาะ แต่ว่าอิสระกว่ากันมาก เพราะแพจะล่องไปเรื่อยๆ ตามแม่น้ำแคว ของเมืองกาญจนบุรี ใช้เวลาไปกลับตามแต่ลกลงราคากับเจ้าของแพ


แพที่ว่านี้มีหลายแบบ หากเป็นวัยรุ่นจะเลือกนั่งแพเธคที่มีเครื่องเสียงติดลำโพงพร้อมไฟดิสโก้ ยิ่งดังยิงดี แต่ก็มีแบบที่ว่าล่องไปล่องกลับชมธรรมชาติ ซึ่งน่าจะเป็นแนวคิดแรกของการสร้างแพล่อง สุดท้ายกลายมาเป็นแพเธคส่งเสียงอึกทึกครึกโครมจนต้องมีการเข้าไปควบคุมกันทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแพแบบที่ไปเย็นกลับเช้า ล่องกันทั้งคืน ซดเหล้ากันยันสว่าง เต้นเหนื่อยก็ขึ้นไปนอนพักที่ชั้น 2 ซึ่งแพเธคต่อขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งหรือไม่ก็ลากไปพร้อมกัน 2 แพ หากลูกค้าจำนวนมาก แล้วต้องการนอนแบบเป็นสัดเป็นส่วนก็เลือกได้
ในระหว่างที่เพื่อนกำลังสนุกคลื่นแคลงกันนี่เอง จะมีหนุ่มสาวบางคู่ที่ซุ่มเงียบหามุมไปพรอดรักมองสายน้ำที่ไหลเป็นระลอกคลื่นน้อยๆ กับลมที่พัดโชยมาพอให้รู้สึกขนลุกเล็กน้อย ก่อนจะชวนกันไปพิสูจน์รักกันถึงแพ ไม่แลสายตาเพื่อนที่จับตามอง


4. หลงป่า
นับเป็นวิธีการพิสูจน์รักที่เลวร้ายที่สุดวิธีหนึ่งของความรัก เพราะคงไม่มีใครอยากให้ตัวเองและคนรักต้องเดินหลงทางออกไปจากกลุ่มเพื่อนพ้องเพราะไม่รู้ว่าจะกลับมาได้หรือไม่ แต่เชื่อว่าในยามนั้นคนที่เราต้องการที่สุดในชีวิตในตอนนั้นก็คือ คนที่หลงป่าไปด้วยกันนั่นแหละ แต่จะเป็นคนที่ต้องการตลอดชีวิตหรือไม่นั่นต้องมาพิสูจน์กันหลังออกจากป่า บทรักนี้จึงเป็นการพิสูจน์รักแบบไม่ตั้งใจ คนเราจะเห็นใจกันก็เมื่อถึงคราวที่ต้องตกระกำลำบากด้วยกันนี้เองว่ามิตรภาพของคนสองคนจะกลายเป็นมิตรหรือศัตรู


5. บ้าน
รับรองว่าที่แห่งนี้จะมีความรักแท้ที่ไม่ตัองไปไขว่คว้าหาจากที่ไหนให้เหนื่อยเพราะเมื่อไรที่เราท้อแท้ผิดหวัง และต้องการกำลังใจจากใครสักคน บ้านจะเป็นที่ให้ความอบอุ่นและมอบความรักอย่างบริสุทธิ์ให้คนเราเสมอ


"ความรัก" ที่ไม่ต้องการการตอบแทน ไม่ต้องการการพิสูจน์ เป็นรักแท้จาก "พ่อแม่ ลูก หลาน พี่น้อง ญาติ "

ผู้หญิงกับรองเท้าส้นสูง


ผู้หญิง จะสวยสง่าขึ้นทันทีเมื่อใส่รองเท้าส้นสูง ใส่ให้สูงที่สุดเท่าที่จะสามารถเดินได้ ยิ่งถ้าได้ใส่กับชุดราตรียาวคลุมรองเท้าไปเลย จะดูสูงเพรียวขึ้นอีกเป็นกอง เขาว่ากันแบบนั้น
ผู้หญิง ความงาม และการแต่งตัว ต่างเกิดมาเพื่อกันและกัน การที่ผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัว ก็เพื่อเพิ่มความเด่น ลบความด้อย เสริมบุคลิกภาพในการเข้าสังคม

โดยเฉพาะรองเท้าส้นสูง ดูจะเป็นเครื่องแต่งกายชิ้นหนึ่งที่คุณผู้หญิงให้ความสำคัญ เมื่อสวมแล้วเดินสวยๆ เข้ากับเสื้อผ้าที่ใส่ยิ่งส่งให้ดูสง่าผ่าเผยขึ้นทันตา แต่การสวมรองเท้าส้นสูงบ่อยๆ อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้

จากการพูดคุยกับรองศาสตราจารย์ นายแพทย์ พงษ์ศักดิ์ ยุกตะนันท์ แผนกแผนกศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์ และกายภาพบำบัด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เผยถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำ จะมีอาการ เช่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เกิดโรคข้อนิ้วหัวแม่เท้าเสื่อม แข็ง เก ผิดรูปหรือซ้อน รวมทั้งอาจเกิดรอยด้านบริเวณผิวหนังที่ถูกเสียดสี เป็นตาปลา เกิดก้อนแข็งๆ ปูดนูนขึ้น เจ็บบริเวณเล็บ หรือเล็บขบ

อีกทั้งขณะที่สวมรองเท้าส้นสูง อวัยวะบางส่วนของร่างกายต้องรับบทหนัก

เริ่มที่ หลังส่วนกลาง : จะต้องบิดโค้งเพิ่มมากขึ้น, เชิงกราน : ถูกยกอย่างไม่สมดุล ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเชิงกรานอ่อนแอ, เข่า : ต้องรับน้ำหนักมากขึ้น อาจทำให้เกิดอาการปวด โรคกระดูก หรือข้อต่ออักเสบตามมา, น่อง : การเดินเขย่งจะทำให้กล้ามเนื้อน่องสั้นขึ้น, ข้อเท้า : การขยับข้อเท้าในขณะสวมรองเท้าอยู่นั้น หากทำผิดจังหวะ อาจทำให้ข้อเท้าแพลง, เท้า : ส่วนที่รับบทหนัก เพราะต้องรักษาดุลไปด้านหน้า ส่งผลต่อกระดูกที่ฝ่าเท้าอาจมีอาการปวดเมื่อย จนอักเสบ การใส่ส้นสูงเกิน 1 นิ้วครึ่งจะทำให้แนวกระดูกสันหลังช่วงล่างแอ่นมากกว่าปกติ ซึ่งจะนำมาสู่การปวดหลัง

อาการทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงทุกคนเสมอไป เพราะแต่ละคนมีรูปเท้า หรือลักษณะเท้าที่แตกต่างกัน เช่น รูปเท้าเรียว อวบนูน จะไม่ค่อยเกิดปัญหา แต่รูปเท้าแบนราบ มักเกิดอาการปวดเมื่อย ทั้งนี้เพราะฝ่าเท้าจะสัมผัสกับพื้นรองเท้ามากเป็นพิเศษ ประกอบกับพื้นรองเท้าส่วนใหญ่จะแคบ ทำให้เท้าถูกบีบรัดตัว ผู้มีรูปเท้าแบน จึงควรเลือกรองเท้าพื้นกว้างๆ จะปลายกว้างหรือปลายแหลมก็ได้

หากมีอาการปวดเมื่อยเท้า ควรแช่ด้วยน้ำอุ่นจัด ด้วยระดับน้ำที่สูงถึงครึ่งน่อง นาน 10-15 นาที พร้อมทั้งออกกำลังเท้าและนิ้วเท้า โดยกระดกปลายเท้าขึ้น-ลง เหยียดงอนิ้วเท้า หันฝ่าเท้าสลับเข้า-ออก หรือใช้มือบีบนวดบริเวณอุ้งเท้า ซึ่งเป็นส่วนที่มีเส้นเลือดและเส้นประสาทจำวนวนมาก จะช่วยบรรเทาอาการเมื่อยลงได้

สำหรับผู้ที่มีอาการเท้าแพลง เบื้องต้นในระยะ 1-2 วันแรก ใช้น้ำแข็งประคบ 5-10 นาที วันละ 2-3 ครั้ง พันด้วยผ้ายืด พักการใช้งานข้อเท้า หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อใช้งานเท้าหนัก ก็ควรดูแลเท้าด้วยวิธีง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน อย่างการทำ ‘สปาเท้า’ เพราะแค่มีมะขามเปียก สบู่เหลวหรือสบู่ก้อน แปรงสีฟันเก่าที่เลิกใช้ สำลี โทนเนอร์ และโลชั่นน้ำนม ก็สามารถทำได้แล้ว

เริ่มจากการขัดด้วยมะขามเปียก ตามด้วยสบู่ ขัดไปเรื่อยๆ ให้รู้สึกผ่อนคลาย นำแปรงสีฟันมาถูบริเวณรอยดำ รอยด้าน จากนั้นใช้สำลีชุบโทนเนอร์ ขัดบริเวณที่ด้าน เช่น ส้นเท้า  สุดท้ายค่อยลงโลชั่นน้ำนมให้ทั่ว คุณก็จะได้เท้าที่สะอาด ผ่อนคลาย หากพอมีเวลาควรทำสปาเท้าอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์

เห็นทีคุณผู้หญิงคงจะต้องพิถีพิถันกับการดูแลเท้าให้มากขึ้น หากไม่สามารถเลิกสวมรองเท้าส้นสูงทั้งๆ ที่มีอาการปวดเมื่อย ก็ควรลดความสูงลงบ้าง รวมทั้งการฝึกเดิน-ยืน โดยการเขย่ง คล้ายๆ กับเวลาที่สวมรองเท้าส้นสูงเพื่อสร้างความคุ้นเคย และอย่าลืมดูแลเท้าตามคำแนะนำ เพื่อสุขภาพเท้าที่ดี และการเดินบนรองเท้าส้นสูงคู่สวยด้วยความมั่นใจ.

ขอบคุณที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ประโยคที่สาว ๆ ชอบฟัง

ประโยคที่สาว ๆ ชอบฟัง (หรือเปล่า?) ถึงแม้จะฟังดูเชยๆ เฉิ่มๆ แต่เชื่อแน่เลยว่าสาวๆ คนไหนได้ฟัง คงยิ้มแก้มปริ จะ แอบเอาไปใช้บ้างก้คงไม่มีใครว่า ฮ่า ฮ่าาาาาา จากฟอร์เวิร์ดเมลล์ดีดี มาแชร์ให้อ่านกันเล่นเพลินๆ

1. Good night คนดี ขอให้นอนหลับฝันดี คืนนี้จะไปเข้าฝัน

2. พี่ไปส่งมั้ย น้องต้องเดินอีกไกลนะ กว่าจะพ้นใจพี่

3. เรื่องเนี้ยะ เริ่มต้นด้วยร้าย แต่ลงท้ายด้วยรักนะจ๊ะ

4. ไข่พะโล้หนะ สีดำ แต่คนทำอะ หัวใจสีชมพู

5. ติดกาแฟ เลิกได้ ติดบุหรี่ เลิกได้ แต่ติดใจเธอ เลิกไม่ได้จริงๆ

6. มีใจแค่1ดวง ครึ่งแรกบอกว่า คิดถึง อีกครึ่งหนึ่ง บอกว่า รัก

7. ที่หายหน้าไป ไม่ใช่ไม่รัก แต่หมอให้พัก ลดน้ำตาล ในหัวใจจ๊ะ

8. ฉันเกิดมา อาภัพ ต้องอยู่แบบ หลบๆ ซ่อนๆ ก็ซ่อนในหัวใจเธองัย

9. หัวใจไม่ว่าง เหมือนเดิม เพราะมีเธอ มาเพิ่มเติม ในใจ

10. อยากรู้มั้ย ฉันรักใคร ส่องกระจกสิ จะได้คำตอบ

11. ยังตัดสินใจไม่ได้ใช่ไหม เอางี้โยนหัวก้อยกัน ถ้าออกหัว เธอมาเป็นแฟนฉัน ถ้าออกก้อย ฉันจะยอมเป็นแฟนเธอ

12. อยากจะเขียนคำว่ารักตัวเท่าบ้าน คงต้องหากระดานแผ่นใหญ่ๆ อันสมุดเล่มนี้มันเล็กไป คงต้องเอาหัวใจมาเขียนแทน

13. ไม่ได้คิดถึงเธอทุกนาที แต่คิดถึงเธอตลอดที่มีลมหายใจ

14. ถ้าพรุ่งนี้ผมตายไปก็คงไม่แปลก เพราะชีวิตผมที่เกิดมา มีหน้าที่เพียงแค่มาพบคุณในวันนี้เท่านั้นเอง

15. ผมมันคนใจแคบ ในนั้นเลยมีที่ว่างพอสำหรับคุณเพียงคนเดียว

16. เป็นการยากที่จะเข้าใจในคำว่ารัก แต่ยากยิ่งนักหากจะรักอย่างเข้าใจ

17. ผมมันเป็นคนไม่มีหัวใจ ก็เพราะหัวใจของผมนั้นดันไปอยู่ที่คุณ

18. ความรักของเราเหมือนเส้นขนาน แม้จะไม่มีวันมาบรรจบกัน แต่ก็จะเคียงคู่กันตลอดไป

19. ถึงผมจะเป็นคนหลายใจ แต่ในทุก ๆ หัวใจก็มีแต่คุณ

20. โทรศัพท์มือถือยิ่งโทรยิ่งกินเงิน แต่โทรหาคุณยิ่งโทรยิ่งกินใจ

21. ผมขอถามทางคุณหน่อยได้ไหมครับ? ทางไปหัวใจคุณ

22. ช่วยกดลิฟท์ให้หน่อยครับ? ผมจะไป....ชั้น..รักเธอ

23. คุณได้ยินเสียงอะไรมั๊ยครับ....เสียงหัวใจผมมันบอกว่ารักคุณ

24. เอ่อ..ไม่ทราบว่าเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึป่าวครับ อ๋อ...ชาติก่อนเราคงจะเป็นคู่กั

25. ทำไมวันนี้ท้องฟ้าไม่สวยเหมือนทุกวัน คงเป็นเพราะความสวยของคุณสินะ

26. ผมชักอึดอัดแล้วสิ ก็คุณเล่นเข้ามาเบียดอยู่ในใจผมตลอดเวลาเลย

27. เดินดีๆ นะครับ...ระวังจะสะดุดรักผม

28. ตั้งแต่ผมได้รู้จักกับคุณ ทำให้ผมได้เจออะไรบางอย่าง เจอละไม ใจละเมอ

29. ผมคงต้องไปรับลอตเตอรี่มาขายซะแล้ว เพราะความรักของคุณมันทำให้ผมตาบอด

30. ถ้าเธอเป็นโคลน ฉันจะยอมเป็นควาย จะได้จมปลักรักเธอตลอดไป...

31. คุณท่าทางจะมีโชคนะ ผมเป็นหมอดู ดูดวงจากเบอร์โทรศัพท์ บอกเบอร์มาสิครับผมจะทายให้

32. ผมทำให้คุณได้ทุกอย่าง ยกเว้นแค่เหาะขึ้นไปบนฟ้า กับการไม่รักคุณ

33. ผมมันเป็นคนไม่มีหัวใจ... เพราะผมเอาให้คุณไปแล้ว ตั้งแต่วันที่เราพบกัน

34. เมื่อคืนที่บ้านไฟดับ แต่ผมไม่ต้องใช้ไฟฉาย หรือเทียนเลยครับ เพราะแค่นึกถึงคุณ โลกของผมก็สว่างไสวไปหมดแล้ว

35. ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของผม.... คุณไปอยู่ไหนมาครับ?

36. ผมยอมอายุสั้นลงไป 1 ปี... แลกกับการคุยกับคุณ 1 นาที

37. ผมไม่หวังอะไร ขอแค่ได้เห็นหน้าคุณ ถึงต้องอายุสั้น ตายไปต่อหน้าคุณ ผมก็ยอม

38. รู้ตัวไหม ว่าคุณคือผู้หญิงคนแรก ที่เห็นแล้วผมนึกอยากปลูกต้นรัก

39. คุณทำให้ขาผมแพลง เพราะตกหลุมรักคุณไม่เป็นท่า

40. ไม่สบายไป x-ray หัวใจมา หมอบอกว่าข้างในหัวใจมีแต่เธอ

41. ร้อนจัง อาบน้ำ ก็ยังไม่หาย นอนไม่หลับกระสับกระส่าย ก็ยังไม่หายคิดถึงเธอ

42. โทษครับ กี่โมงแล้วครับ วันเวลาของผม มันหยุดไปหมดเมื่อพบคุณ

43. ถ้าคิดถึงคุณ..แล้วต้องเสียตังค์ครั้งละบาท ผมคงหมดเนื้อหมดตัวภายในวันเดียว

44. เวลาเห็นหน้าคุณทีไร ผมมักจะเป็นโรคชักทุกทีเลยอะ...ชักใจอ่อน

... สุดท้าย อ่านกันจบก้อต้องเล่นมุขนี้เลย ..

ถ้าเธอว่า "น้ำเน่า"
... ถึงน้ำจะเน่า... ก็ยังเห็นเงาคุณอยู่ในใจผมเสมอ..

Ferrari ทองคำ

ทำไมมีแต่คนรวยๆๆๆ เห็นแล้วให้นึกอิจฉา ตาร้อน พวกมหาเศรษฐี ไม่มีที่จะใช้เงิน 555+
 
 
 
 

บ้านหลังใหม่ จากจอเก่าๆ

เสียแรงที่ ทำร้าน คอมพิวเตอร์ -อินเตอร์เน็ต มานาน เพิ่งจะมาเห็น เห้อ ให้ึนึกเสียดาย จอเก่าๆ ที่ขายทิ้งไปแบบเหมือนกับให้เปล่าาๆ ...เอารูปมาให้ดู เผื่อใครมีจอเก่าแบบที่ยังไม่ได้ืิ้ง แต่ใช้งานไม่ได้แล้วอ่ะค่ะ มาโมให้เป็นของใหม่ น่าใช้กันดีกว่าาค่า จากเวบ ฟอร์เวิร์ดเมลล์ดีดีจัง

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

สร้างเขื่อนส่วนตัว ป้องกันน้ำท่วม

มาดู ภาพวิธีการเอาตัวเองให้รอด จากน้ำท่วมกันดีกว่าค่ะ เผื่อจะได้เกิดไอเดีย ในการป้องกันภัยน้ำท่วม ที่กะลังเกิดกับบ้านเราได้บ้าง
 
 
 
 
 
 
 
 
 ที่มา : เวบเมลล์ จาก ดีดีจังดอดคอม
 

อาหารเสี่ยงต่อโรคกรดไหลย้อน

 คิดว่า คงมีคนไม่น้อยที่ เกิดอาการ กรดไหลย้อน จากกการรับประทานอาหาร มาดู อาหารที่สุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้กัน เผื่อจะได้ระวัง ตัวเอง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารของตัวเอง ให้ห่างไกลจากการเป็นโรค กรดไหลย้อน นี้กันนะคะ

 

 
ต้องนับว่าเป็นโรคฮิตสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศ รวมถึงผู้คนที่ใช้ชีวิตในเมือง สำหรับ “โรคกรดไหลย้อน” ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากนิสัยส่วนตัว รวมถึงนิสัยการนอน เมื่อเริ่มเป็นมักมีอาการท้องอืด แน่นท้อง ระคายเคืองบริเวณลำคอตลอดเวลา หรือหลังอาหารมื้อหลักจะรู้สึกคลื่นไส้ อยากอาเจียน
 
แม้ปัจจุบัน การศึกษาและการรักษาทางการแพทย์จะพบว่า ประมาณร้อยละ 90 ของผู้ป่วยที่มีอาการกรดไหลย้อน จะสามารถควบคุมได้ด้วยยา แต่การปรับเปลี่ยนนิสัยในชีวิตประจำวัน จะช่วยบรรเทา และป้องกันได้ยั่งยืนกว่า โดยสามารถเริ่มง่ายๆ จาก “นิสัยการรับประทาน” เพราะอาหารบางอย่างทานแล้วเสี่ยงกรดไหลย้อนเพิ่มขึ้นจึงควรเลี่ยง
 
นั่นก็คือ “กาแฟ-ช็อคโกแลต-โกโก้” มีคาเฟอีน และสารธีโอโบร์ไมน์ (theobromine) ลองเปลี่ยนมาชงชาสมุนไพรดอกคาโมไมล์ดื่มแทน ช่วยผ่อนคลายประสาท บรรเทาอาการท้องไส้ปั่นป่วนได้
 
ยังรวมถึง “แอลกอฮอล์-โซดา-น้ำอัดลม” ที่เร่งปฏิกิริยาคาร์บอเนชั่น (Carbonation) โดยฟองอากาศจะขยายภายในกระเพาะอาหาร และเพิ่มความดันมากขึ้น
 
ส่วน “อาหารทอด-เนื้อสัตว์ไขมันสูง” จากเนื้อวัว, เนื้อหมู, เนื้อแกะ มักกระตุ้นให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกจากกรดไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดอาหาร ควรทานเนื้อติดมันเพียงสัปดาห์ละครั้ง
 
สำหรับใครที่กำลังเผชิญ หรือคาดว่าจะเป็น “โรคกรดไหลย้อน” ควรลองปรับเปลี่ยนนิสัยการรับประทานดูใหม่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จนไม่ต้องพึ่งยาอีกต่อไป

ขอบคุณที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ : อีเมล จากเวบเมลล์ ดีดีจัง

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การดูแลรักษารถยนต์ เมื่อเกิดน้ำท่วม

อินเทรนกับสถานการณ์น้ำท่วม กะเค้าบ้าง เราเชื่อว่า แทบทุกบ้านจะมีรถยนต์ใช้กันทั้งนั้น คิดว่า บทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคำแนะนำเรื่องการดูแลรถของท่านในสถานการณ์น้ำท่วม อย่างเวลานี้ ซึ่งหันไปทางไหนก็จะเห็นแต่ข่าวว่าจะเจอแต่ข่าว น้ำท่วม  หรืออุทกภัย กำลังจะมา ซึ่งภัยน้ำท่วม เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ฉะนั้น เราควรจะเตรียมตัว ป้องกันไว้ เรื่องการดูแลทรัพย์สิน อย่างน้อยๆ ก้ช่วย ผ่อนผันบรรเทา ความรุนแรง ลงไปได้บ้าง สำหรับเรื่องรถยนต์ มีคำแนะนำดีๆ มาฝาก จากบทความ ของ สนุกดอดคอม ค่ะ
ดูแลรถหลังน้ำท่วม
ก่อนภัยจะมา
ถ้า เป็นไปได้อย่างที่เราบอกการเตรียมรับมือน้ำท่วมนั้นถือว่าเป็นเรื่อง สำคัญที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์นั้นการไม่ให้รถนั้นโดนน้ำท่วมก็ย่อมเป็นทางออกที่ ดีที่สุด การหาที่จอดปลอดภัยที่พ้นจากระดับน้ำนั้นทำให้รถไม่เสียหาย แต่ก่อนเอารถไปจอดก็พยายามดูด้วยการที่เราจอดรถทิ้งไว้ในจุดนั้นจะปลอดภัย จากรถหายหรือไม่ ที่สำคัญของมีค่าทั้งหลายเอาออกจากรถ และล็อคระบบป้องกันต่างๆให้เรียบ เพื่อป้องกันการโดนงัดหรือขโมยรถยนต์
เมื่อน้ำท่วม
หาก คุณไม่มีเวลาที่จะหนีน้ำได้ทันแต่น้ำนั้นยังไม่ขึ้นสูงมากพอที่จะทำให้ของ คุณจมไปทั้งคันได้นั้น ให้คุณดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้ก่อนที่จะสายเกินไป
ดูแลรถหลังน้ำท่วม
1.ครอบท่อไอเสีย ใน กรณีที่น้ำมีโอกาสขึ้นสูงจนสามารถท่วมรถเกินครึ่งคันนั้นให้คุณ นำถุงพลาสติกมาครอบท่อไอเสียเอาไว้เพื่อป้องกันเข้าไปยังท่อไอเสีย โดยเฉพาะใครที่ชอบใส่ท่อแต่ใหญ่ๆควรรีบจัดการโดยเร็ว
2.อุดท่อในชุดกรองอากาศ เมื่อ จัดการท่อไอเสียเสร็จแล้วก็ให้มาจัดการทางเข้าอากาศที่อยู่ในหม้อกรองอากาศ กันต่อตรงนี้ ให้คุณใช้วิธีขยำกระดาษแล้วห่อด้วยถุงพลาสติดใสขนาดพอดีท่ออากาศยัดเอาไว้ โดยให้อุดท่อที่อยู่ก่อนเข้าตัวแผ่นกรองอากาศ ซึ่งจะทำให้น้ำไม่สามารถไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้
3.ถอดขั้วแบตเตอร์รี่ เมื่อ ทำ2อย่างเสร็จแล้ว สิ่งที่ไม่ถูกกับน้ำนั้นคือไฟฟ้า และเราแนะนำให้ถอดขั้วแบตเตอร์รี่ออกเพื่อลดความเสียหายจากภัยน้ำท่วมที่จะ เกิด ในกรณีนี้สำคัญมาก สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ ให้สอบถามยังศูนย์บริการใกล้บ้านก่อนว่าจะสามารถถอดแบตเตอร์รี่ได้หรือไม่ เพราะรถบางรุ่นต้องการไฟไว้เลี้ยงระบบ ข้อนี้สำคัญมากห้ามลืม
ดูแลรถหลังน้ำท่วม
4.กล่องคอมพิวเตอร์ตัวนี้น่ะสำคัญ รถ ยนต์ในปัจจุบันนั้นมีการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์เสียส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้มันมีหน่วยประมวลผลที่เรียกว่ากล้องคอมพิวเตอร์ หรือ ECU (Electonics Control Unit) ที่ค่อนข้างจะละเอียดอ่อนหากถูกน้ำท่วม ในการป้องกันนั้น ให้ทำการครอบด้วยถุงพลาสติก หรือในรถบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นเก่าสามารถถอดเก็บไว้ได้ แต่ในกรณีรถรุ่นใหม่นั้น สอบถามรายละเอียดให้ดี เพราะอาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้ แต่ความจริงแล้วกล่องพวกนี้ทนน้ำในระดับหนึ่ง แต่ถ้าน้ำท่วมระดับสูงก็สามารถทำให้เกิดความเสียหายได้เช่นกัน
5.คลุมรถด้วยผ้าคลุมกันน้ำ ผ้า คลุมรถบางรุ่นนั้นมันมีคุณสมบัติที่สามารถจะกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ลดความเสียหายโดยเฉพาะในห้องโดยสารได้พอสมควรเลย ทางที่ดีไปหามาไว้สักอันก็ดีเหมือนกัน และอย่างลืมผูกให้แน่นรัดให้แนบชิดรถมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทั้ง ข้อ นี้สามารถช่วยให้รถของคุณปลอดภัยจากความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับกระแสน้ำและระดับน้ำด้วยสูงขึ้นมากน้อยเพียงใด เพราะน้ำยิ่งสูงยิ่งมีแรงดันมาก ทำให้ไม่ว่าเราจะป้องกันดีแค่ไหน ก็อาจจะยังเสียหายอยู่ดี

นางพญาเสือโคร่ง ที่เชียงใหม่

จะย่างเข้าสู่หน้าหนาวกันอีกแล้ว ช่วงนี้บางวันของตอนเช้าๆ อากาศเย็นๆ เริ่มมีลมเย็นแตะผิวหนังแล้ว ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นไอของความหนาวเย็น มาเยือน  ในฐานะที่เป็นคนเชียงใหม่ ช่วงหนาวนี้ก้อยากจะพาท่านไปชื่นชม บรรยากาศ กลิ่นไอของความหนาวเ็ย็น กับ ดอกพญาเสือโคร่งกัน  ความงามของดอกนางพญาเสือโคร่ง อยู่ที่ยามเมื่อต้นทิ้งใบแล้วพากันออกดอกสะพรั่งเป็นสีชมพู สวยสดใสคล้ายกับดอกซากุระ

ดอกนางพญาเสือโคร่งชอบขึ้นอยู่ตามพื้นที่ภูเขาสูงในภาคเหนือ มีแหล่งที่สำคัญไปดูได้อยู่หลายแห่ง เช่น ดอยสันป่าเกี๊ยะ ,ดอยอินทนนท์ ,ดอยขุนแม่ยะ ขุนช่างเคี่ยน  และดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่
หนาวนี้ไม่ต้องไปไกลถึงไหน พลาดไม่ได้ต้องไปให้เห็นกับตาว่าซากุระเมืองไทยมีจริง ช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบาน  คือช่วงธันวาคม-มกราคมของทุกปี  อย่าลืมหาโอกาส ไปชื่นชม ด้วยตา กันจริงๆ สักครั้ง ก็น่าจะดีไม่น้อย อิอิ ..เหมือนกับเจ้าของบล๊อก นึกอยากจะไปตั้งแต่หลายปีผ่านมาแล้ว จนปีี้นี้ จะเข้าสู่ฤดูกาล ของ นางพญาเสือโคร่งอีกปีละ เห้ออ ไม่รู้จะหาโอกาส เวลา ไปได้หรือเปล่าก้ยังไม่รู้เลย( T^T) เห้ออ  เศร้าา.... ป่ะ ว่าแล้ว ก็ไปชม ภาพสวยๆ ของนางพญาเสือโคร่งกันดีกว่าค่ะ






 

ขอบคุณทุกแหล่งที่มาของรูปภาพ
ภาพจากคุณ sun-flower จากเว็บ bloggang.com/mainblog.php?id=flowers-a2z&month=05-01-2009&group=31&gblog=2
คุณ oio แห่งเวบพันทิปดอดคอม http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2009/01/E7391625/E7391625.html